แมนฯ ซิตี้ กลับสู่เส้นทางลุ้นแชมป์ หลังบุกชนะ บอร์นมัธ 0-2

Bournemouth-vs-ManCity

Bournemouth-vs-ManCity

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กลับสู่เส้นทางลุ้นแชมป์อีกครั้ง หลัง “เปป์” ผู้จัดการทีมคนใหม่ของ “เรือใบสีฟ้า” ประกาศถึงฟอร์มการเล่นที่จะกลับมาในช่วงท้ายฤดูกาลเพื่อคว้าอันดับในตารางให้ดีที่สุด จนปัจจุบันนี้อันดับของทีมเปป์ก็ได้ขึ้นมาชิงดำอีกครั้ง ในอันดับของรองหัวตารางพรีเมียร์ลีก หลังจากบุกไปเอาชนะ บอร์นมัธ ถึงถิ่น 2-0 จากการทำประตูของ “ราฮีม สเตอร์ลิง” บวกกับ “ไทโรน มิงก์ส” สกัดเข้าประตูตัวเอง โดยที่ในนัดเจอกันครั้งแรกของฤดูกาล แมนฯ ซิตี้ เปิดบ้านถล่ม 4-0

ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัดที่ 25 ของฤดูกาล 2016-17 แข่งขันวันจันทร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ 2560 เป็นการพบกันระหว่าง “เดอะ เชอร์รี่ส์” บอร์นมัธ ก่อนลงสนามรั้งอันดับ 14 ของตาราง มีอยู่ 26 คะแนน เปิดสนาม ดีน คอร์ต รับการมาเยือนของ “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อยู่อันดับ 5 ของตาราง เก็บแต้มไปแล้ว 49 คะแนน

จังหวะสำคัญในเกมส์

ครึ่งแรก

น.3 แมนฯ ซิตี้ เป็นฝ่ายทำเกมบุกเข้าหาตามฟอร์ม ได้โอกาสลุ้นหวาดเสียว ดาบิด ซิลบา เปิดบอลจากฝั่งซ้ายยัดเข้าใน สตีฟ คุ้ก เตะสกัดวึด บอลมาเข้าทาง เควิน เดอ บรอยน์ พยายามตวัดยิงด้วยซ้าย แต่แต่ยิงแป็กไปเอง

น.15 แมนฯ ซิตี้ ต้องมาเสียกองหน้าดาวรุ่งตัวเก่งอย่าง กาเบรียล เชซุส โดนอาการบาดเจ็บข้อเท้าเล่นงานจนเล่นต่อไม่ไหว ต้องส่ง เซร์คิโอ อเกวโร่ ลงสนามมาล่าตาายแทน

น.18 บอร์นมัธ ขึ้นเกมบุกมาตอบโต้ แล้วมาได้ลูกเตะมุมทางด้านซ้าย จอร์ดอน ไอบ์ เปิดโค้งมาที่เสาแรกให้ ไซม่อน ฟรานซิส โฉบเข้ามาโหม่ง แต่โดนไม่ดี บอลย้อยเข้ามือ กาบาเยโร่

น.27 แมนฯ ซิตี้ น่าได้ประตูออกนำเป็นอย่างยิ่ง จากโอกาสจะแจ้งที่สุดในเกมนี้ เลรอย ซาเน่ ได้บอลหลุดเข้าเขตทษด้านซ้าย ก่อนดึงจังหวะไหลเข้าในมาให้ ราฮีม สเตอร์ลิง จับหนึ่งจังหวะแล้วซัดด้วยขวาเน้นๆ

น.29 แมนฯ ซิตี้ เริ่มทำเกมบุกได้ไหลลื่นมากขึ้น กระทั่งมายิงประตูขึ้นนำจนได้ เลรอย ซาเน่ พาบอลลุยขึ้นทางด้านซ้าย แล้วเปิดยัดเข้าเขตโทษ สตีฟ คุ้ก พยายามล้มตัวสกัด แต่บอลกลับปลิ้นมาเข้าทาง ราฮีม สเตอร์ลิง สอดเข้ามายิงจ่อๆ ที่เสาสองเข้าไปให้ “เรือใบสีฟ้า” ขึ้นนำ 1-0

น.30 บอร์นมัธ เหมือนจะมาตามทวงประตูคืนทันควัน อดัม สมิธ ลุยขึ้นเกมทางฝั่งขวาแล้วเปิดโค้งเข้าเขตโทษให้ โจชัว คิง หลุดเข้ามาแปด้วยขวาเข้าไป แต่ผู้ตัดสินเป่าเป็นจังหวะฟาวล์ของ คิง ไปดึง จอห์น สโตนส์ ก่อนหลุดเข้าไปยิง

น.37 แมนฯ ซิตี้ เล่นง่ายขึ้นหลังได้ประตูออกนำแล้ว มีโอกาสลุ้นหวาดเสียว บาการี่ ซาญ่า เปิดบอลจากฝั่งขวาเข้าเข้าเขตโทษให้ กุน อเกวโร่ วิ่งสอดมาแปด้วยขวาจากด้านหลัง แต่บอลโด่งข้ามคาน

หมดครึ่งแรก แมนฯ ซิตี้ บุกมานำ บอร์นมัธ 1-0

ครึ่งหลัง

น.67 บอร์นมัธ ยกระดับเกมขึ้นมาต่อกรกับทีมเยือนได้ดีในครึ่งหลัง มีโอกาสลุ้นใกล้เคียง เบนิค อโฟเบ้ ลุยเข้าเขตโทษด้านซ้าย แล้วไหลย้อนมาให้ แฮร์รี่ อาร์เธอร์ ปั่นด้วยซ้ายเน้นๆ กาบาเยโร่ ต้องบินปัดทิ้งออกหลัง

น.69 แมนฯ ซิตี้ ทวงบอลยังดูดีกว่า บอลในพื้นที่สุดท้ายยังทำได้น่ากลัว ก่อนจะมายิงประตูเพิ่มนำเป็น 2-0 ราฮีม สเตอร์ลิง พาบอลลากหลับ อดัม สมิธ เข้าเขตโทษด้านซ้าย แล้วเปิดจากสุดเส้นหลังยัดเข้าในมาให้ กุน อเกวโร่ พุ่งเข้าชาร์จจ่อๆ บอลสุดท้ายไปโดนปลายสตั๊ด ไทโรน มิงก์ส เข้าประตูตัวเอง

น.78 แมนฯ ซิตี้ คุมสถานการณ์ไว้ได้แล้ว มีโอกาสลุ้นหวาดเสียว จากลูกฟรีคิกนอกเขตโทษด้านซ้าย ดาบิด ซิลบา เปิดโค้งไปที่เสาสองให้ แฟร์นานดินโญ่ สลัดหนีตัวประกบมาโหม่งคนเดียว แต่กดไม่ลงบอลโด่งข้ามคาน

น.84 แมนฯ ซิตี้ หวิดได้ประตูเพิ่มจากความผิดพลาดของ ไทโรน มิงก์ส พยายามเลี้ยงบอลหลบในเขตโทษตัวเองแล้วโดน เลรอย ซาเน่ ฉกบอลได้ ก่อนโยกตัดเข้าไปซัดด้วยซ้ายมุมแคบ บอพุ่งชนคานอย่างน่าเสียดาย

น.87 แมนฯ ซิตี้ ได้ลุ้นในช่วงท้ายเกม อเล็กซานดาร์ โคลารอฟ ได้ซัดด้วยซ้ายเต็มข้อจากหน้าเขตโทษ อาเธอร์ โบรุค ต้องออกแรงทุบ ดาบิด ซิลบา พยายามตามยิงซ้ำ แต่มีธงยกขึ้นมาว่าล้ำหน้า

จบเกม 90 นาที แมนฯ ซิตี้ บุกมาเอาชนะ บอร์นมัธ ถึงถิ่น 2-0 เก็บแต้มเพิ่มเป็น 52 คะแนน กระโดดขึ้นไปอยู่อันดับ 2 ของตาราง มีแต้มตามหลัง เชลซี จ่าฝูง 8 คะแนน

รายชื่อผู้เล่น บอร์นมัธ (4-3-3)
อาเธอร์ โบรุค – อดัม สมิธ, ไซม่อน ฟรานซิส (ไทโรน มิงก์ส น.23), สตีฟ คุ้ก, ชาร์ลี แดเนียลส์ – แอนดรูว์ เซอร์แมน, แฮร์รี่ อาร์เธอร์, แจ็ค วิลเชียร์ (เบนิค อโฟเบ้ น.45+3) – จอร์ดอน ไอบ์ (มาร์ค พิวจ์ น.76), โจชัว คิง, ไรอัน เฟรเซอร์
สำรองไม่ได้ใช้
ไรอัน อัลล์ซ็อป – แบร็ด สมิธ, แดน กอสลิ่ง, จูเนียร์ สตานิสลาส

รายชื่อผู้เล่น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (4-1-4-1)
วิลลี่ กาบาเยโร่ – แฟร์นานดินโญ่, บาการี่ ซาญ่า, จอห์น สโตนส์, อเล็กซานดาร์ โคลารอฟ – ยาย่า ตูเร่ (นิโคลัส โอตาเมนดี้ น.70) – เลรอย ซาเน่, เควิน เดอ บรอยน์, ดาบิด ซิลบา, ราฮีม สเตอร์ลิง (โนลิโต้ น.90+2) – กาเบรียล เชซุส (เซร์คิโอ อเกวโร่ น.15)
สำรองไม่ได้ใช้
เคลาดิโอ บราโว่ – แว็งซ็องต์ ก็องปานี, แฟร์นานโด, ฟาเบียน เดลป์

ติดตามข่าวสารฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ฟุตบอลอังกฤษ และข่าวนักเตะจากทุกลีกดังใน เว็บพนันกีฬา แทงบอลออนไลน์ SBobet ผู้ให้บริการเว็บพนันกีฬาชั่นนำของเอเชีย

Sbo

Sbo